-:- To keep heart for give you 1 -:- .......(เก็บหัวใจไว้ให้ - นิยาย -:- To keep heart for give you 1 -:- .......(เก็บหัวใจไว้ให้ : Dek-D.com - Writer
×

    -:- To keep heart for give you 1 -:- .......(เก็บหัวใจไว้ให้

    เป็นนิยายรัก-คอมมิวดี้ แนว Yaoi + Yuri (มี 2 คู่)

    ผู้เข้าชมรวม

    180

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    180

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ต.ค. 54 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สวัวดีขอรับ ^_________^
    ข้าน้อย คะซึ(Kazu) มือใหม่หัดเลย Exteen
    ขอฝากนิยาย_Yaoi_(คู่แฝดคนพี่) & Yuri_(คู่แฝดคนน้อง)iเล็กๆน้อยๆ มาให้อ่านกันนะขอรับ
    ติเตียนได้หากเนื้อเรื่องในนั้นผิดพราดประการใด (เป็นกำใจคนแต่ง)
     
     
    .......(เก็บหัวใจไว้ให้เธอ)........
    คำสัญญาที่ปกป้องไม่ได้... !?
     
     
    วิ้ว -----......
       เสียงของลมที่พัดมาเอื่อยๆ พัดผ่านไปมา บ้างโดนกิ่งไม้น้อยใหญ่ทีแผ่สาขาของต้มไม้บางชนิด กิ่งก้านสาขาที่แผ่ออกเป็นใบไม้เขียวขจีต่างก็สั่นไหวไปตามแรงลม พร้องกับเสียงของนกน้อยผู้อาศัยอยู่บนตันไม้ขันขานเสียงอันไพเราะเสนาะหู พอลองฟังดูดีๆแล้วช่างเป็นเสียงของธรรมชาติที่เข้ากันได้อย่างลงตัวเลยที เดียว ผสานกับกันเสียงของไม้ไผ่ที่ลองน้ำไว้ทำให้เกิดเสียงดัง ก้อง...ก้อง... เป็นจังหวะพอได้มาผสมผสานกันทำนองเพลงของธรรมชาติแล้ว มันช่างเป็นเพราะที่ไพเราะแลดูเงียบสงบอะไรเป็นอย่างมาก.... ไม่นานนั้นแว่วเสียงของฝีเท้าเล็กๆของเด็กน้อยคนนึ่ง สีหน้าของเด็กดูเหนื่อยล้าเต็มทีคงเป็นเพราะบริเวณนี้กว้างเกินไปสำหรับเด็ก ตัวน้อยๆที่จะวิ่งไปไหนมาไหนได้เป็นเวลานานๆ เด็กน้อยวิ่งไปที่หน้าคฤหาสห์ของตนเอง สีหน้าที่ดูเศร้าหมองนั้น หยุดยืนคุยกันเด็กอีกคนนึ่งที่ใส่หมวกทรงสูง ที่ดูท่าทางน่าเกรงขามด้วยสายตาที่คมกริบจับจ้องเด็กน้อยที่เพิ่งจะวิ่งมาหา อย่างเหนื่อยล้าเต็มที ใบหน้าของเด็กน้อยบังเกิดสายธารน้ำใสๆเล็กบนใบหน้าที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุด หย่อน สร้างความสงสัยให้กับผู้คนที่พบเห็น แต่ทว่าเด็กที่สวมหมวกทรงสูงนั้นกับไม่เอ่ยถามอะไรนั้นเพราะเขารู้สาเหตุที่ เด็กตัวเล็กๆตรงหน้าเขาร้องไห้ นั้นเพราะ ...เขานั้นเอง... เขาจึงเข้าไปโอบกอดพลางใช้มือประกบใบหน้าอันกลมมนของเด็กน้อยนั้น นิ้วโป้งของเขาค่อยปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา แล้วจุมพิตที่หน้าผากของเด็กน้อยเบาๆราวกับปลอบโยน
    “……”
        เสียงกระซิบอันแผ่วเบาของเด็กหมวกทรงสูงนั้นพูดออกมาข้างหูให้เด็กน้อยคน นั้นได้ยินแค่คนเดียว รู้สึกว่าประโยคที่เขาพูดออกไปจะทำให้เด็กน้อยยิ้มได้ เด็กน้อยนั้นใช้มือเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมาให้หายไปเหลือเพียงแต่รอยแดงที่ จมูก และ น้ำมูกที่ไหลออกมาเล็กน้อย.....
    “สัญญานะ !”
       เด็กน้อยทวนถามเพื่อความมั่นใจ เด็กหมวกทรงสูงก็พยักหน้าแสดงให้เด็กน้อยรู้ว่าเป็นการ “ยืนยัน”ในสิ่งที่เขาพูดเอาไว้ แล้วยิ้มบางๆที่มุมปากของเด็กน้อยก็เกิดขึ้น เด็กชายที่สวมหมวกทรงสูงนั้นรู้สึกโล่งใจแล้วก็ขึ้นไปยังเทียมวัวที่ถูกจัก ไว้ให้ เทียมวันนั้นค่อยๆ เลือนรางหายไปราวกับภาพวาด
    “ท่านพี่ !!---------”
       เสียงตะโกนก้องของเด็กน้อยราวกับใจหายที่จู่ๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าเริ่มหายไปทีล่ะนิด เสียงนั้นดังเข้าโสทประสาทของเขาทำให้เขาต้องตื่นขึ้น
    พรึบ !
       ชายหนุ่มร่างบาง ผมสีดำสนิทสยายยาวที่ไม่ยอมตัดออกเพราะให้คำมั่นอะไรไว้ซักอย่าง แลดูเหมือนท่านหญิง มือบางของเขาแตะที่อกเบา สัมผัสได้ถึงเสียงของหัวใจดังขึ้น ตึก....ตัก...ตึก...ตัก...เขาตกใจกับความฝันนี้มากเพราะไม่ได้ฝันเช่นนี้มา นานแล้ว
     
    ...นัตซึกิ...รอก่อนนะ...อีกไม่นานเราก็จะพบกันอีกเมื่อเจ้าโตกว่า นี้...เมื่อเจ้ารู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง...เมื่อนั้น...เราจะได้ มาพบกันอีกแน่นอน....ข้าสัญญา..... .
     
        เขายิ้มที่มุมปากซักพัก พลางพูดว่า....
    “จะกลับ...มาแล้ว...สินะ....”
        ชายหนุ่มเอามือมาปิดปากพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ
    “คิก”
    “ดูท่าทางท่านพี่จะฝันถึงคนๆนั้นอีกแล้วสินะ”
       ชายหนุ่มหันควับไปทางต้นเสียงทันที พรรณปรากฏร่างของหญิงสาวที่มีรูปหน้าเหมือนกับตนเอง ผมนุ่มสลวย และ นัยน์ตาที่ดำสนิม ซึ่งต่างกับเขาที่ มีด้วยตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ หากไม่สังเกตจริงๆก็จะได้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพี่หรือคนน้อง ปากที่เนียนเรียบชมพูระเรื่อยยิ้มให้บางๆ แก้มที่เอิบอิ่มสดใสนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆชายหนุ่ม
    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านพี่”
         หญิงสาวที่นั่งอยู่กล่าว อรุณสวัสดิ์อย่างสุภาพให้กับชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลในยามราตรี
    “อือ อรุณสวัสดิ์ นัตซึมิ”
        ฝ่ายผู้ถูกเรียนว่า”นัตซึมิ”พลางยื้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้ “...ท่านพี่ อย่าคิดนะว่าข้าจะไม่รู้รึว่า ท่านพี่ฝันถึงท่านพี่คนนั้นอีกแล้วใช่ไหม อย่าคิดว่าน้องสาวของพี่คนนี้จะไม่รู้น่ะ ถึงจะแฝดคนล่ะฝาก็เถอะ(เฮ้ย ! ‘แฝดคนละฝา’ นี่มันปัจจุบันนะ อนุโลมล่ะกัน แหะๆ By Kazu ) ท่านพี่นัตซึกิ ~” “รู้ดีนักนะ ยัยอิวาชิ*”[* อิวาชิ : ปลาซิว,ปลาซาดีน ในที่นี้ให้เป็นคำด่าประมาณว่าใจปลาซิว] “ว่าแต่เขา พี่ก็เหมือนกันแหละ” นัตซึกิมองหน้าแฝดผู้น้องอย่างแค้งเคืองๆถึงกับ อยากจะกินเลือดกินเนื้อน้องสาว โทษฐานที่รู้เรื่องของตนดีไปซะหมด ทั้งๆที่ชายหนุ่มเองก็รู้เรื่องของอีกฝ่ายดีไปซะหมดเช่นกัน แต่ทว่าด้วยความหงุดหงิด และ ศักดิ์ศรีที่อยู่ในตัวที่ไม่อยากจะยอมแพ้น้องสาวของตนจึงได้บันดาลโทสะออกมา อย่างเหลืออด “...แล้วนี้...เมือไหร่เจ้าจะออกไปจากห้องของข้าสักที !!!!!!” ชายหนุ่มตะโกนขึ้นดังลั่นคฤหาสห์ของตน “นัต-ซึ-กิ เบาๆหน่อยสิลูก !~” “เอ่อ..ครับ! ท่านย่า” เสียงของชายหนุ่มสงบลงเมื่อได้ยินเสียงท่านย่าของตนตักเตือน “หุๆๆ ท่านพี่นี้ไม่ไหวเอาเสียเลย เป็ยผู้ชายแท้ๆแต่กลับตะโกนซะเสียงซะดังอย่างนี้ ม่ายไหวๆ” “นั่นมันเอาไว้พูดกับผู้หญิงต่างหากเฟ้ย เจ้าน่ะเป็นสาวเป็นแส้แท้ๆกลับบุกรุกเข้ามาในห้องข้าอย่างนี้มันใช้ได้ที่ ไหนกันเล่า” นัตซึกิพูดขึ้นขณะเอามือมาเข็กหัวดัง ‘โป็ก’ ใส่น้องสาวตัวแสบ ทันทีที่น้องสาวรู้ว่าแรงเข็กนั้นเบาบางราวกับแค่ลูบหัวก็แลบลิ้นใส่พี่ชาย แล้วกล่าวอย่างในๆว่า “แหม~~ท่านพี่ไม่กล้าทำข้าใช่ไหมล่ะ ก็ข้าน่ะ ออกจะน่ารักขนาดนี้”
    “ถ้าเจ้าน่ารักขนาดนี้ล่ะก็เดี๋ยวข้าจะรีบไป  บอกท่านพ่อว่าข้ายินยอมที่จะให้เจ้าถวายตัวแด่องค์รัชทายาท ซะเดี๋ยวนี้เลยจะดีไหม ?”
       นัตซึกิขู่น้องสาวที่ไม้รู้จักคำว่า’เข็ด’ของตน พร้อมกับปั้นยิ้มราวกับว่าตนเองจะได้รับชัยชนะในอีกไม่ช้า แต่ทว่าหญิงร่างระหง ยิ้มรับอย่างสะใจแล้วตอบว่า
    “ถึงท่านพ่อคิดจะส่งข้าไปจริงๆ แต่ถึงยังไงเสียท่านพี่ต้องช่วยเหลือข้าอยู่แล้ว จริงไหมล่ะ? ท่านพี่น่ะทำเพื่อข้าเสมอ ตั้งแต่ครั้งนั้น...”
    “...จริงอย่างที่เจ้าว่า...แต่...”
       ชายหนุ่มเงียบไปซักพักด้วยความพ่ายแพ้อย่างเต็มรูปแบบ จึงพยายามคิดจะเปลี่ยนเรื่อง ด้วยการเปร่งเสียงออกมาดังลั่นคฤหาสห์อีกครั้ง เพื่อจะให้ไล่ตัวป่วนออกจากห้อง
    “เมื่อไหร่เจ้าจะออกไปจากห้องของข้าซะที ห๊า-------!”
       ส่วนด้านท่านย่าก็ทำท่าทีเอือมระอาเต็มทีกับกิริยาหลานชายพลางถอนหายใจอย่าง เหนื่อยหนายแล้วพูดว่า “เฮ้อ...จะมีซักวันไหมบ้านเราจะสงบสุขได้ ค่อยดูนะถ้ามีอีกรอบฉันจะเดินไปจับตีก้นหลานชายซะให้อายจนไม่กล้าพูดกับใคร ได้ว่า ‘ข้าโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะคิดอะไรเองได้ฉะนั้น ข้าจะไม่แต่งงาน !’ ทีนี้ข้าจะได้จับคุมถุงชนให้แต่งงานกับท่านหญิงที่ดีๆ ซะทีข้าน่ะแก่เต็มทีอยากจะอุ้มเหลนเต็มแก่แล้ว ! หลายชายเป็นคนเดียวข้าก็ไม่ว่าอะไรแต่นี้นัตซึมิก็เป็นไปกับเขาด้วยนี้สิ เฮ้อ.... ”
       นางพูดกับ มารดาของพวกแฝดที่นั่งปังเสื้อผ้าซึ้งเป็นหน้าที่ของผู้เป็นนายหญิงของบ้าน นี้ ที่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องทำก็ได้แต่เป็นเพราะงานอดิเรกของเธอ ทันทีที่ฟังคำของหญิงชรานั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้ ฟุจิวาระ นัตซึกิ ลูกชายตกโตของเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่มีอำนาจสูงสุดในขณะนี้ ได้ย่างอายุเข้า17 ปีแล้ว ทั้งหน้าที่และการงานของเขาก็เป็นไปอย่างราบรื่นด้วยตำแหน่งราชองค์รักษ์ ของท่านองค์รัชทายาท ผู้มากไปด้วยความสามารถต่างๆ และเป็นที่จับตามองของคนใหญ่คนโต ที่ต่างอยากจะยกลูกสาวของตนให้เขาทั้งนั้น ไม่เว้นแต่องค์จักรพรรดิที่มั่นจะเรียกตัวอยู่เป็นประจำยังกราบเย้าแหย่ ’น่าเสียดายที่ข้าไม่มีบุตรตรี จะมีก็แต่บุตรชายที่กำลังจะทำหน้าที่แทนข้า ไม่เช่นนั้นคงจะยกให้เจ้าแล้วเป็นแน่ หรือจะยกบุตรชายข้าให้เจ้าดูแลดีล่ะ’ กระนั้นถึงจะเป็นแค่คำเย้าแหย่ขององค์จักรพรรดิ แต่การดูแลและอยู่เคียงข้างก็เป็นหน้าที่ของเขาที่เป็นองค์รักษ์อยู่แล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้แต่ยิ้มรับอย่างเป็นมารยาทเพราะถึงจะไม่ไต้องยกให้เขา ก็ต้องจำใจคอยรับใช้ผู้เป็นนายอยู่ดี อย่างไรก็แล้วแต่เขาก็เป็นอิจฉาในหมู่ขุนนางหนุ่มที่มีอุปสรรคในการสู่ขอ ท่านหญิงคนอื่นๆด้วยนั้นเอง
    “นี่เจ้า! จะโม้เรื่องของพี่ข้ามากไปแล้วนะ ข้าเด่นก็มีบทบาทไม่แพ้กับท่านพี่ของข้านะ !”(ก็ได้ๆเขียนให้ก็ได้ ชิ ! BY Kadsujung)
       ฟุจิวาระ นัตซึมิ หญิงสาวสุดแสบซึ่งเป็นแฝดผู้น้องของนัตซึกิ ข่าวเรื่องของนางดังไปทั่งนครเฮอันว่า เป็นดอกไม้ที่ยากจะเด็ดได้ยิ่งกว่าธิดาขององค์จักรพรรดิรุ่นก่อนที่มีศักดิ์ เป็นพระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันซะอีก เพราะเขามีพี่ชายที่แสนจะขี้หวง และ ขี้ห่วง (รังเกียจ และอาฆาต) มากกก ซึ่งมีข่าวแว่วลอยมาว่า ท่านพ่อของนางจะนำไปถวายตัวแด่ องค์รัชทายาทซึ่งกำลังจะได้เป็นจักรพรรดิในอีกไม่นาน แต่ก็ไม่สามารถถวายตัวได้ซักทีด้วยเหตุที่ว่า นัตซึกิคัดค้านหัวชนฝานั้นเอง...
    “เจ้าน่ะเงียบๆไปเลย !” ผลัก ! **โดนนัตซึมิผลักไสไล่ส่ง (อุตสาห์เขียนให้แท้ๆ By Kazu) 
       กลับมาทางด้านนัตซึกิ หลังจากน้องสาวตัวแสบของตนออกไปจากห้องแล้ว นัตซึกิก็ได้ทำธุระส่วนตัวของตน พร้อมกับคิดเรื่องฝัน แล้วยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีได้ไม่นานนักก็ถูกนั้นก็ถูกขัดจังหวะโดยน้องสาวตัว ดีก็เข้ามาใหม่พร้อมกับกุมมือขอร้องอ้อนวน
    “ท่านพี่เจ้าขา~ คะ วันนี้ข้าไม่อยากไปดีดโกโตะเลย... ”
    ชิ้ง---ง
       บรรยากาศเงียบฉี่ทันที ชายหนุ่มอะแฮ่ม ครั่งนึงแล้วเอ่ยปากพูด 
    “จะให้พี่ไปเล่นให้แทนใช่ไหม? พูดซะสุภาพเชียว...”
       สาวน้อยพยักๆ เป็นสัญญาณว่า ‘ใช่เลย’ เนื่องจากตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 3 วัน เป็นวันอัปมงคลของนัตซึกิจึงต้องอยู่แต่ในห้องของตนห้ามออกไปไหนและต้องถือ ศีลกินเจ แต่ทว่า’ลูกไม้ไม่หล่นไกลต้น’ ด้วยนิสัยของท่านแม่ของเขาที่ว่ากฎมีไว้ให้แหก (มั่ง) และ ความที่ว่าชอบทำเพื่อน้องสาวของตนเองทุกอย่าง นัตซึกิจึงตอบไปอย่างเสียไม่ได้
    “จ้าๆ เอาเสื้อมาสิ” 
     
    ติ้ง~
    เสียงโกโตะอันไพเราะดังขึ้นในโสตประสาทของผู้ฟัง เป็นเสียงที่ดูสงบนิ่งเชื่องช้าแต่งดงาม สร้างภาพให้กับผู้ที่เล่นมันแลดูแล้ว ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างงดงามด้วยท่วงทำนองของดนตรีซึ่งดูงามกว่าในยาม ปกติเสียอีก แปะๆ เสียงตบมาบอกสัญญาณให้ผู้เล่นนั้นหยุดเล่น 
    “วันนี้ก็ทำได้ดีเช่นเคยนะเจ้าค่ะ วันนี้พอแค่นี้ล่ะกันค่ะ” 
       ร่างบางหันมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาโค้งคำนับหนึ่งครั้งอย่างเคารพแล้วเดินออกไปจากห้องนั้น หลังจากนั้นก็ตรงไปหาคนที่อยู่ในห้องของตน พบว่าน้องสาวตัวแสบของเขานั้นกำลังนั่งอ่านรายงานที่ทำค้างไว้อยู่ 
    “เสร็จแล้ว นัตซึมิ เอ้าเปลี่ยนชุดกันได้แล้ว”
       ชายหนุ่มพูดพลางค่อยๆถอดผ้าทีละผืนออกแล้วเดินไปทางที่น้องสาวของตนนั่งอยู่ ที่มุมห้องซึ่งเป็นจุดที่วางโต๊ะไม้แล้วที่วางนั่ง ไว้ ข้างๆก็มีเชิงเทียนไว้
    “...ท่านพี่...ช่วงนี้ในวังหลวงมีเรื่องอะไรแปลกบ้างหรือเปล่า...”
       ร่างบางเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆผู้ถามแล้วพูดตอบไปว่า
    “ก็นะ...เรื่อยๆแหละ...มีแต่เรื่องแปลกๆเกินคนอยู่ด้วยทางกรมตำรวจก็ ปัดไปให้กรมอนเมียวจิ จัดการแล้วล่ะมั้ง” “เอ๋ ! อีกแล้วหรอ คราวก่อนก็มีไปแล้วนะ”
       สาวน้อยกล่าวอย่างตกใจแต่ก็ไม่แคล่วถามเรี่องที่ตนสงสัยอยู่
    “แล้ว...ท่านพี่เจอยังน่ะ ‘ท่านพี่’ คนนั้นน่ะ”
       นัตซึกิจู่โจมโดยคำถามที่ทิ่มแทงใจดำอย่างมากที่แม้แต่ผู้ถูกถามก็ยังไม่สามารถตอบได้
    “...ไม่...ไม่เจอเลย...ขนาดลองเช็กดูในรายชื่อของคนในกรมๆต่างๆ ก็ยังไม่เจอเลย”
       นัตซึกิตอบไปด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย สร้างความตึงเครียดให้กับคู่สนทนานิดๆ 
    ตุบ !
       เสียงของอะไรบางอย่างตกลงมา ทำให้ตกลงมา ทำให้ผู้ที่อยู่แถวนั้นตกใจเป็นอย่างมาก แฝดทั้ง 2 จึงหันมามองหน้ากันอย่างงุนงง และรีบมองไปทางที่เกิดเหตุก็พบว่า สิ่งที่ตกมานั้นเป็นชายร่างสูงที่นอนแหมะอยู่ที่พื้น ทั้ง 2 คนต่างก็ ฉุดใจคิดว่าอาจจะเป็นโจรที่ไหนซักแห่ง แต่ทว่า โจรที่ไหนกันจะมาปล้นกันกลางวันแสดๆ คงจะเป็นคนบ้าแน่ๆ ทันทีที่คิดได้อย่างนั้น นัตซึมิก็รีบถอยหลังอย่างคล่อแคล่วงแล้วให้แรงอันเปราะบาง(?) ผลักนัตซึกิได้หน้าทั้งที่นัตซึกิยังไม่ทันรู้ตัว
    “เฮ้ย... นัตซึมิ ทีงี้ไม่มีคำว่าพี่น้อง เลยนะ !”
       นัตซึกิโว้ยออกมาด้วยความแค้นเครืองอยู่เล็กน้อย
       “อย่าพูดมากน่า... เป็นผู้ชายก็ต้องปกป้องน้องสาวตัวเองบ้างสิ !! ไปดูสิว่าเขาเป็นอะไร !”
       สาวน้อยโต้กลับพลางสั่งแบบมาดคุณหญิงที่สั่งให้พี่ชอยซึ่งเสมือนทาสผู้ต่ำต้อยทำ แล้วดันหลังพี่ชายของตนต่อไป
    “ชิ .. ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยอิวาชิ ” ด้านพี่ชายก็หันหน้ามาแยกเขี้ยวให้น้องแล้วเดินลงไปยังที่เกิดเหตุ
    “ ไม่รับฝากยะ ! แบร่ ”
       นัตซึมิพูดพลางแลบลิ้นใส่พี่ชายหนึ่งทีแล้วดูสถานะการณ์อย่างห่างๆ ด้านนัตซึกิที่ลงไปดู เขาค่อยๆ ก้าวเท้าทีละนิดอย่างล่ะแวงเพราะไม่ได้หยิบดาบมา จนกระทั่งเดินมาถึงบริเวณที่ชายคนนั้นตกลงเขา สภาพของชายคนนั้นยังคงหมอบลงอยู่ที่พื้นไปขยับตัวแต่อย่างใด นัตซึกิจึงเข้าไปสะกิดตัวชายคนนั้น
    “ ... ”
    ตุบ !
        ไม่ทันทีชายร่างบางจะพูดออกมา กลับถูกชายร่างสูงคนนั้นดึงลงมากองอยู่กัยพื้นแทน รู้ตัวอีกที่ก็พบว่าตนนั้น ถูกค่อมไว้แล้วเรียบร้อยแล้ว และถูกร่างสูงนั้นปิดปากเอาไว้ ร่างบางเบิ่งตาขึ้นมาอย่างตกใจแล้วปากน้อยๆแล้วค่อยหุบลงเมื่อ สังเกตุได้ว่า ไม่เป็นไรแล้วจึงจ้องที่หน้าของชายร่างสูงอย่างไม่วางตา ที่ใบหน้าของร่างบางนั้นได้เปลี่ยนสีหน้าที่บงบอกว่าหงุดหงิดสุดๆ ด้านชายที่ค่อมอยู่ก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างห่อเหี่ยวแล้วก็พยายามเกลี้ยกล่อมคน ตรงหน้า “ใจเย็นๆก่อน นัตซึกิ.... ข้ามีเหตุผลที่ทำแบบ จะอธิบายไว้ให้นะ.... ”
       เขาพูดพลางค่อยเอามือออกจากปากของนัตซึกิแล้วค่อยๆเปลี่ยนท่ามานั้งขัดสมาธิ โดยที่ตัวนัตซึกิเองก็ค่อยๆชันตัวขึ้มาตามการขยับของตัวชายร่างสูง และกระโจมค่อมชายร่างสูงแทน พร้องตะโกนออกไปอย่างหัวเสียสุดกำลัง
    “ข้า... บอกท่าน...กี่รอบแล้ว หา.... !? ว่าอย่าออกมานอกวังหลวงโดนที่ไม่มีใครรู้แบบนี้นะ ครับ !! ไม่คิดจะเห็นใจกันบ้างเลยหรือไง ! คนที่ต้องออกมาตามท่าน แล้วค่อยถูกตำหนิอยู่เลื่อยโดนที่ท่านไม่จำเป็นต้องรับรู้น่ะ !!! คนๆนั้นคือ ข้า น่ะ ครับ !! ที่โดนหนักกว่าใครเพื่อนน่ะ !! เข้า – ใจ – หรือ – ยัง – ครับ – ท่าน – เรียว - เมะ !!! ”
       ร่างบางยิงกระสุนเสียงสิบแปดหลอดออกมาเป็นชุดๆพร้อมทั้งเน้นคำในประโยคหลัง ทีล่ะคำ ใส่ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้าง จนทำให้หญิงสาวผู้น้องของร่างบางที่ตรงระเบียงนั้น งงเป็นไก่ตาแตก
    “ ฮะ ฮะ ฮะ อะไรแค่แวบมาแปปเดียวเอง พอดีข้ามีธุระแถวนี่ด้วยสิ ”
       ชายร่างสูงหัวเราะร่าพร้อมกับเอามือกุมขมับ ด้วยสีหน้าที่ดูแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ทำให้นัตซึกิ เริ่มหน้าหงิกมากขึ้น ร่างสูงสังเกตว่าร่างบางตรงหน้าทำเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง ไม่สิ เขาคงจะต่อว่าตนอีกแน่แต่สูดท้ายแล้ว ร่างบางก็ไม่พูดอะไร แล้วถอนหายใจดังเฮือกหนึ่ง ก่อนจะมาก่อนขัดสมาธิแล้วทำหน้าเอื้อมระอาใส่ร่างสูงอย่างเห็นได้ชัด
    “อะไรกันๆ สีหน้าแบบนั้นน่ะ มันทำให้ใบหน้าอันงดงามเกินชายของเจ้าเข้มขลึมไปเลยนะ”
       ชายร่างสูงพูดพร้อมกับยื่นมือมีเสยคางร่างบาง ด้วยระยะประชิด
    “ชิชะ ข้านั้นเป็นบุรุษ ใบหน้าที่เหมือนสตรีนั้นไม่จำเป็นสำหรับข้าหรอก”
       นัตซึกิสถบอย่างไม่สบอารมถ์เล็กน้อยด้วยที่ว่า ใบหน้าที่สวยเกินชายเป็นปมด้อยของเขาที่ มักจะโดยคนเข้าใจผิดอยู่เป็นประจำว่าเป็นพวกวิปริตที่ชอบไม้ป่าเดียวกัน ด้วยเหตุเพราะว่า เขานั้นไม่ยอมแต่งงาน และเพราะสาเหตุนี้ พวกที่แอบจิตรักเพศเดียวกันนั้นก็ตามเข้ามารุมรอบขอความรัก ไม่ก็ เชิงความรักอยู่เป็นประจำ ไม่เว้นแม้กระทั้ง เรียวเมะ แต่ร่างบางนั้นคิดว่าที่ชายตรงหน้าชอบพูดแบบนี้กับเข้าประจำนั้นน่าจะไปทาง เชิงเย้าแหย่มากกว่า
    “โถๆ น้อยใจอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวข้าจะช่วยปลอบใจให้เอาไหม”
    ไม่ทันที่ร่างบางจะถอยหนี เรียวเมะก็รีบโอบร่างบางตรงหน้าไว้ทันที ด้วยว่านัตซึกิตัวเล็กกว่าเรียวเมะมาก หากเทียบส่วนสูงกันนัตซึกิก็สูงแค่อกของเรียวเมะ ทำให้การจับกุมของเรียวเมะนั้นรวบเร็วและ สามารถจับเป้าหมายตรงหน้านั้นได้อยู่มือ
    “ปล่อยข้านะ ! ท่านโทงู* !! ที่นี้ไม่ได้มีแต่ข้ากับท่าน แต่น้องของข้าก็อยู่ด้วย จะทำอะไรห็ควรมีขอบเขตบ้างสิ !” [*ตำแหน่งในวังที่มีอำนาจรองจากกษัตริย์และมีสิทธ์ขึ้นครองราชได้ หรือเรียกอีกอย่างว่า องค์รัชทายาท]
       ร่างบองแย้งออกมาด้วยความตกใจที่ถูกสวมกอด จึงพยายามหาทางหนีโดนที่นัตซึมิพยายามใช้แขนอันเปราะบางดันร่างสูงขึ้นมา เพื่อที่จะหนีออกจากร่างสูงที่ยังคงกอดตนอยู่อย่างไม่ละจากความพยายาม
    “อะไรกัน... คำพูดแบบนั้นน่ะ จนป่านนี้แล้วยังไม่พูดอะไรอีก เคยบอกแล้วไงให้เรียกชื่อข้าน่ะ...”
       ร่างสูงก็แอบเปลี่ยนเรื่องจนนัตซึกิเริ่มจะอาละวาด ขณะที่ร่างสูงพูดเมือหนาของเขาก็เลื่อนมาแตะที่คาง แล้วลูบไล้ขึ้นไปที่บริเวณริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าของร่างบางเริ่มแดงระเรื่อ
    “ท่าน… ! ”
       ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก !! ไม่ทันที่ร่างบางจะตอบว่ากับ ! เสียงฝีเท้าของคนบางคนร่งเท้าที่กำลังจะเข้ามาในห้อง ก็แทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงของหญิงชราก็ดังขึ้น
    “ได้ทีข้าล่ะ ยายบอกแกแล้วนะ ว่าถ้ายังไม่เลิกทำกริยาแบบนี้ !!!~”
       นัตซึกิหันควับไปทางต้นเสียงแล้วทำเสียงครางเบาๆ
    “ซวยแล้วสิ...” 
    ปัง !!
    “มานี่เลยนะ เจ้าหลานชายตัวแสบ ! วันนี้ล่ะ ข้าจะสั่งสอนแกไม่ให้พูดคำนั้นได้อีกเลย !!”
       ร่างของหญิงชราปรากฏตัวพร้อมกันมือด้านขวาซึ่งถือไม้เรียวเอาไว้ราวกันแม่ ที่จะเอาไม้เรียวมากตีลูกน้อยที่ดื้อลั้น แต่ทว่าพอหญิงชราเดินมาถึงตรงระเบียงเพื่อตามล่าหลานชาย ก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะเข้ามาเห็นภาพที่หลานชายตนเหมือนจะโดนจับกดไว้(?) โดยที่เรียวเมะนั้นยังคงจับตัวนัตซึกิในท่าเดิมแบบตอนก่อนที่หญิงชราจะเข้า มาแทรก มือที่จับไม้เรียวอย่าแน่นหนาร่วงผลอยลงมาอย่างง่ายได้ ร่างกายของหญิงชรานั้นสั่นสะท้านริมฝีปากที่แห้งไปตามวัย เริ่มสั่นผับๆ มีเสียงอันแหบแห้งออกมา เล็กน้อย จนกระทั่ง !!!
    “ เจ้าข้าเอ๊ย ! โจรวิปราส !! ใครก็ได้มาช่วยจับมันไปที !!! ”
    เสียงน้อยๆของหญิงชราทะลักออกมาแบบระดับเสียงดัง 18 หลอด แล้ววิ่งพลากๆไป มา อย่างกระวนกระวาน ทางด้านพวกนัตซึกิเองก็กลายเป็นกระต่ายตื่นตูม ตกใจกับเสียงของย่าตนจนทำอะไรไม่ถูกต่างคนต่างจะช่วยกันแก้ไขความเข้าใจผิด เสียงดังเอะอะโวยวายไปทั้ง คฤหาสซังโจ แม้แต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายบิดาของแฝดซึ่งเพิ่งกลับมาจากการทำงานเองก็ตกใจแทบจะ เป็นลมทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากกว่าเดิม.....
     
    “………”
    เวลาผ่านไปเนิดนาน กว่าจะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ปาเข้าไปเย็นมากแล้ว ทางนัตซึกิที่เข้าใจเรื่องราวอยู่คนเดียวต้องคอยมานั่งจัดการเรื่องทั้งหมด จนถูกย่าของตนเข้าใจผิดและด่าว่า “นี้ ใจเจ้า...วิปราสไปแล้วเรอะ !! ถึงได้แก้ตัวแทน เจ้าโจรนั้น ! หรือเจ้ามีใจให้มันเรอะ ! นี้หลานฉันมีรสนิยมไม้ป่าเดียวกันหรือนี่ ~~ !! ” จากคำพูดที่เป็นชุดๆ ของท่านหญิงชราคนนี้ ทำเอานัตซึกิรู้สึกเหมือนโดยอะไรซักอย่างแทงเข้าที่หลัง ทำเอานัตซึกิขาแทบทรุดกองลงกันพื้น ทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั้ง ร่างบางแก้ไขข้อสงสัยให้กับทุกคนในบ้านเข้าใจได้ ร่างบางแทบลงไปกองอยู่บนเสื่อทากามะ หากนอนแผ่ลงไปได้ร่างบางก็คิดว่าแกล้งเป็นลมไปเลยซะก็ดีแต่ก็ทำไม่ได้ จึงขอตัวกลับห้องของตัวเองเพื่อจะพักผ่อนชนิดที่ว่า หัวถึงหมอนเมื่อไหร่ก็หลับปุ๋ยทันที จึงได้ทีเสนาบดีฝ่ายซ้ายเพราะไม่มีใครมาขวางแผนการของเขาอีกแล้ว [โอกาศทองแบบนี้ไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ลุยเลยไอ้เสือ(Kazu : ห๊ะ...หา O_o!?)]จึงเชิญ เรียวเมะซึ่งเป็น องค์รัชทายาทที่กำลังจะเตรียมตัวขึ้นครองราชเป็นองค์จักรพรรดิในเวลาอีกใน เร็วๆนี้ มานั่งในห้องที่จัดเตรียมเอาไว้โดนที่มี ฉากกันระหว่าง นัตซึมิ กับเรียวเมะ โดยที่มี เสนาบดีฝ่ายซ้าย นั่งอยู่ตรงข้ามเพื่อเปิดอภิปรายเรื่องถวายตัวซะที
    “ยังไงเสีย ข้าพเจ้าก็ต้องขออภัยโทษจากท่านด้วยนะ ขอรับ”
       อนาคตพ่อตา(?) เริ่มกล่าวนำก่อนเปิดเรื่อง
    “ราชาศัพท์ในที่นี้มิต้องหรอก ท่าน พูดออกตามสบายๆ เลยดีกว่าครับ ” 
       เรียวเมะพูดพลางยิ้มไปเพราะเจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ จากนั้นก็พูดต่อ...
    “…อีกอย่าง ข้า ตะหากที่ต้องขอโทษท่าน โดยเฉพาะ นัตซึกิ..ข้ารบกวนทางนั้น ไว้มากเลยจริงๆ สมแล้วที่จะโดน ว่าเอา ฮะ ฮะ ฮะ”
       ร่างสูงพูดอย่างสุภาพแล้ว นอบน้อมอย่างเต็มที่ โดยหารู้ไม่ว่า ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและท่างทีที่แสนสุภาพของชายคนนี้ได้คิดแผนการละเล่น สนุกๆของตนไว้อยู่... ซักพักชายร่างสูงก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง
    “ข้าได้ข่าวมาว่า... ท่านเสนาบดีฝ่ายขวา เตรียมการจะถวายตัวของท่านหญิงน้อย ที่อยู่หลังฉากนั้นใช่ไหม ?... ครับ... “
    “...ท่านไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพกับ ข้าน้อยหรอก ขอรับ... ท่านป็นถึงสมมติเทพ และอีกไม่นานท่านก็จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้อยู่แล้ว... ”
       ไม่ทันที่เสนาบดดีฝ่ายซ้ายจะพูดจบ เรียวเมะก็พูดแทรกขึ้นมา
    “ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ทว่าท่านนั้นเป็นผู้อาวุโสที่อาบน้ำร้อนมาก่อนกระผม ตั้ง 2 นักษัตร... อีกอย่างหนึ่ง ยังไงๆพวกผม เอ่อ.. ไม่ผิด พวกเราน่ะ อีกไม่นานก็เป็นทองแผ่นเดียวกับแล้ว ใช่ไหมล่ะ ครับ ”
       เรียวเมะพูดพร้อมกับปั้นหน้าให้ราวกับสวมหน้ากากยิ้มยังไง อย่างนั้น.... แต่ทว่าก็ยังมีคนที่รู้ธาตุแท้ของชายคนนี้อยู่ ซึ้งกำลังบ่นพำพึมๆ อยู่เงียบๆ คนหนึ่ง...
     
       ‘ ฮึก..... หน่อย..แน่~~ เจ้ารัชทายาทหน้ากาก 1000 หน้า !!~ อย่าคิดนะว่า ข้าไม่เคยเห็นหน้าท่านแล้วจะไม่รู้นิสัยของท่านน่ะ ที่ท่านพี่คัดค้านหัวชนฝา ก็เพราะว่าเค้ารู้ว่าท่านน่ะเป็นคนยังไง แล้วอย่าคิดนะว่าท่านพ่อของข้าจะยอมยกข้าให้ท่านไปน่ะ ท่านพ่อข้าน่ะรักข้ามากขนาดคนที่กรมยังแซวท่านพ่อว่า “ รักลูกเหมือไข่ในหิน(แกรนนิก) ” ฉะนั้นไม่ทางแน่นอน !!!! ’ 

       นัตซึมิคิดในใจอย่างสงบนิ่ง แต่ว่ารังสีอัมหิตของหล่อนที่ปิดไว้ รู้สึกจะประทุออกมา หญิงสาวเริ่มบ่นพ่ำพึมๆอยู่คนเดียวอยู่นานเสียนกระทั้งออร่าของหญิงสาว พุ้งเข้าไปจู่โจมเป้าหมายทันที ด้านเรียวมะเองก็เริ่มรู้เกร็งๆจากทางด้านของนัตซึมิจน หัวเราะแห้งๆ จากนั้นจึงพยายามฝืนใจสู้ ปั้นหน้าตามปกติให้ได้นานที่สุด ...
    “ ท่าน...ช่างสมกับเป็นท่านจริงๆเลย ข้าพเจ้ายินดีที่จะยกลูกสาวสุดที่รักให้ท่าน !! ”
       เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดพร้อมกับสายตาที่เปร่งเป็นประกาย หากเป็นคนที่คุ้นเคยกันหรือ คนที่มีฐานะเท่าๆกันล่ะก็ คงจะกุมมือฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชาย(?) ด้วยความรู้สึกที่ว่า... ลูกสาวของเค้าขายออกแล้วซะที 17 แล้วหากยังไม่แต่งคงจะไม่มีใครมาสนใจแล้วเป็นแน่แท้.... ด้านนัตซึมิเองพอได้ยินที่พ่อของตนพูดก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ จนเผลอประท้วงออกไม่ต่อหน้าคนในห้อง
    “ ท่านพ่อ !! ”
    “ ต่อหน้าแขกอย่าเสียมารยาทสิ ! เจ้าเป็นสตรี นะ ! ”
    ผู้เป็นพ่อสั่งสอนทันที เมื่อนัตซึมิผู้เป็นลูกถูกดุก็ก้มหน้า ขออภัยโทษ ทันที และนั่งกุมมือของตนไว้แน่ พลางนึกเสียใจว่าทำไมตนต้องเกิดมาเป็นผู้หญิง เพราะ เป็นแบบนี้ทุกกริยา ทุกวาจา แม้แต่ความคิด สิ่งที่อยากทำหรือไม่อยากทำถูกกำหนดโดนพ่อ แม่ เสียหมด ราวกับว่า ตนนั้นเป็นแค่หุ่นเชิดให้แสดงกิริยาไปตามของคนที่เชิดมัน...เธอรู้สึกเหมือน โชคชะตากลั่นแกล้ง ‘ผู้หญิง’ เธอรู้สึกแขยงทุกครั้งที่ได้ยิน ไม่ว่าทำอะไรที่ผิดเพี้ยนไปก็ดูผิดเสมอ ข้อห้ามต่างๆ มากมายจนแทบจะไม่อยากจำ บางครั้งเธอรู้สึกว่าถ้าหากไม่มีหัวใจไปซะเลยจะยังดีซะกว่า แต่นั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่เธอรู้สึดไม่ดีต่อคำว่าผู้หญิง เพราะเธอรู้สึกสบายใจที่แตกต่างจะท่านหญิงคนอื่น เพราะ การปฏิบัติตัวระหว่างตนกับนัตซึกินั้นกระทำเช่นเดิมเหมือนที่ทำมากันในตอน เด็กๆ ทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจทุกทั้งที่อยู่ด้วยกันถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่นัตซึ กิจะตักเตือนอยู่บางแต่ก็จะพูดอย่างอ่อนโยน และลูบหัวนางอยู่เป็นประจำ สิ่งนี้แหละที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยแต่หล่อนก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนของนัตซึกิ เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ เมื่อนัตซึมิคิดได้อย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมาถามตัวเองว่าแล้วเราล่ะ เราไม่โตขึ้นเลย ถึงร่างกายจะโตขึ้นแต่ด้านจิตใจก็ยังรู้สึกเหมือนตนนั้นยังไม่เป็นผู้ใหญ่ อยู่ดี แถมยัง.. มีเรื่องที่ตนยังไม่เข้าใจอย่างเช่นการแต่งงาน และ ความรัก ถึงจะเห็นและรู้ว่าพี่ชายมีความรัก แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ถึงจะถามพี่ชายตนไป เขาก็ อำๆอึ้งๆ และได้คำตอบมาแค่ว่า ‘ซักวันเจ้าจะเข้าใจเอง ถึงความรักที่เจ้ามีให้ใครซักคน เมื่อนั้นเจ้าก็คงจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น...’ นัตซึมิตกอยู่ในพะวงเสียนานก็หลุดออกมาจากโลกของตนเพราะเสียงของสาวใช้เอ่ย ขึ้นมา...
    “…ขออภัยเจ้าค่ะ…ท่านทากะคาซึยะขอเข้าพบเจ้าค่ะ...” หญิงรับใช้ กล่าวการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ “…ให้เข้ามาได้.... นัตซึมิ กลับซะไปนอนซะ”
       ผู้เป็นเจ้าของบ้านเชื้อเชิญมาทันที และ สั้งให้ลูกสาวของตนนั้นกลับห้องไป
    “ค่ะ.. ท่านพ่อ...”
       หญิงสาวเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้คนสนิทของตน ไม่นานนักผู้มาเยือนคนใหม่ก็เข้ามาแทนที่อย่างไม่มี พิธีรีตลอง เขาได้เรียกชายร่างสูงที่นั่งอยู่ทันที พร้อมทั้งกล่าวธุระของตนให้กับเจ้าของบ้าน
    “ขออภัยท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายในยามวิกาล ข้าเพียบแต่มาตามท่านเรียวเมะกลับวังหลวงเท่านั้น...”
    “โฮ~ เข้ามาไม่ทันจะได้นั่งพักให้หายเหนื่อย เจ้าจะกลับแล้วรึ”
       เรียวเมะหันมาทักผู้มาเยื่อนอย่างเป็นมิตร(?) ไม่นานนั้น ทากะคาซึยะก็เดินเข้ามายังเป้าหมายแล้วจับคอเสื้อของ เรียวเมะ ก่อนนะลากเรียวเมะออกจากห้องนั้น โดยที่ไม่ลืมที่จะคำนับเจ้าของบ้านเพื่อลากลับ
    “ฮะ.. เฮ้ย !! คาซึยะ ! นี่ใจคอเจ้าจะลากไปทั่งอย่งนี้เลยหรือไง !!!”
    “... ถ้าท่านลุกขึ้นทันทีที่ตอนที่ข้าบอกธุระให้แก่ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ล่ะกัน ข้าคงจะไม่ลากท่านไปทั้งอย่างนี้หรอก....”
       การพูดจาของทากะคาซึยะ นั้น สร้างความวิตกให้กับ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นอย่างมาก ทั้งลังเลว่าจะ ช่วยดีหรือไม่ช่วยดี ไม่ทันที เจ้าของบ้านจะตัดสินใจ ทากะคาซึยะก็ได้ช่วยตัดสินใจให้เรียบร้อย
    “อ๋อ... ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ข้าขอแนะนำท่านไว้อย่าง ท่านควรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า ครับ ยังไงก็แล้วแต่ถือซะ ข้ากับ เรียวเมะ ไม่ได้มาที่นี่ล่ะกัน สิ่งที่ท่านเป็นนะ เป็นแค่ภาพลวงตาก็ได้ ขอรับ”
    -- เรียวเมะ –
       ทากะคาซึยะคนนั้น พูดออกมาโดยที่ไม่มี “ท่าน(SAMA)” นำหน้าเลย อย่างนี้ไม่โดนลงโทษในภายหลังเรอะ ทำไมเค้าช่างกล้าแบบนี้นะ
    “ปล่อยข้าได้แล้ว ข้าเดินไม่ถนัดนะแบบนี้น่ะ คาซึยะ !!!”
    “ทากะคาซึยะ ตะหาก !!”
    “เออๆ ยังไงก็แล้วแต่ ปล่อยข้าเซ่ !!!~~”
       ทั้งคู่เถียงกัน โดนไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่า เจ้าของบ้านนั้น หน้าซีดแทบจะเหมือนคนตายซะแล้ว จากนั้นไม่นานทั้งทากะคาซึยะ เละ เรียวเมะก็ กลับกันไปเรียบร้อย เหลือแต่ เจ้าของบ้านที่ ยังนั่งอ้าปากค้างอยู่ .... เช้า
     
     
    วันต่อมา...
    “ ว่า – ไง – นะ !!!”
       เสียงตะโกนดังรั่นปะหนึ่งนาฬิกาปลุก ทำให้ทุกคนในตื่นขึ้นทันที
    “นี่.. ท่านพ่อ กับ ท่านเรียวเมะตกลงกันแล้วรึ ! อะไรกันน่ะ ไม่มีการมาบอกเราก่อนเลยรึ จะปลุกเรามาพูดด้วยก็ยังดี... ท่านพ่อนะ ท่านพ่อ ข้าบอกว่าจะไม่แต่งงาน ท่านพ่อเลยจับนัตซึมิ คุมถุงชนแบบนี้เลยเรอะ ! นี่เห็น นัตซึมิเป็นตัวอะไรกันนะ ข้ายอมไม่ได้หรอ !!” 
       นักซึกิพูดด้วยน้ำเสียงที่แค้นเคืองสุดๆ พลางนึกเจ็บใจว่า หากเขายอมทนอยู่รวมวงสทนาเมื่อคืนนี้ล่ะก็ เขาก็คงห้ามทัพได้ และเรื่องก็ยังไม่เป็นแบบนี้หรอก...
    “…แล้วทีนี้ จะทำไงต่อล่ะ ท่านพี่... ข้า.. ไม่อยากแต่งงานนะ !!”
       นัตซึมิพูดออกมาด้วยความกังวลและเธอก็กลัว กลัวในสิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนนั้นคือ ‘การแต่งงาน’ ถือได้ว่าเป็นใหญ่มาก และเป็นเรื่องที่คนสองคนต้อง สมัครใจกัน นี่คือสิ่งที่นัตซึมิเข้าใจในต้องนี้... ด้านนัตซีกิเองก็คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี... ไม่นานนักเขาก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีจากท่านั่งชันเข่า เป็นขัดสมาธิแทน เขาคุมคิดอยู่นาน วิจารณ์เหตุการณ์ต่างๆ จากประสบการณ์ตลอดทั้งชีวิตในการทำงานของเขาที่เจอมา รวมกับนิสัยของเรียวเมะแล้วเขารู้ดีว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ปัญหาที่เขาจะต้องแก้ตอนนี้คิด นัตซึมิ ที่ไม่คิดจะแต่งงาน ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านี้เขาได้ถามถึงกำหนดการถวายตัวจากน้องสาวตัว ปัญหา
    “... ท่านพ่อ มีกำหนดไว้วันใดรึ ?”
    “...เอ่อ..อีกประมาณ 2 วัน”
       2 วัน... จากน้ำเสียงของน้องสาวที่ดูห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ร่างเริงเลยนับจากรู้ว่าตนจะต้องถวายตัว หากสังเกตดูดีๆ แล้ว สาวน้อยที่นั่งหน้าเศร้าอยู่นั้นดูเหมือนจะไม่ได้นอนเลย ไม่สิ เธอคงจะนอนไม่หลับเพราะคิดเรื่องการถวายตัวเป็นแน่ เขานึกเห็นใจอยู่เล็กน้อย นึกอยากจะช่วยน้องสาวจากใจจริงแต่ทว่า วิธีที่จะช่วยได้นั้นต้องแลกกับ ชื่อเสียงของตน ทว่าแค่เสียงของตนนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่ เขายอมได้ แต่ทว่าการเอาชื่อเสียงของวงศ์ตะกูลมาเขวนไว้ในเส้นได้นั้น ดูท่าจะไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่นัก
    “นัตซึมิ...”
       เสียงทุ้มเล็กน้อยพูดรอดๆ ออกมาเรียกคนที่อยู่ข้างเขาให้ได้สติ
    “.. ค่ะ ?”
    “...ถ้าเจ้าไม่ชอบจริงๆ มาเปลี่ยนตัวกันข้าไหม... ?”
       ความเงียบถามโถมเข้ามาช่วงขณะ หญิงสาวเริ่มเหงื่อตกเพราะไม่คาดคิดว่า พี่ชายตนจะพูดแบบนี้ออกมา ถึงพวกเขาจะเปลี่ยนตัวกันบ่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่า ไม่รู้เลย ว่าการกระทำนี้มันผิดขนาดไหน ใครรู้เข้าคงจะเป็นหัวข้อซุบซิบนินทาในวันต่อมาแน่นอน แล้วการที่จะเปลี่ยนตัวกันเพื่อไปถวายตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง หากใครจับได้คงจะเป็นเรื่องใหญ่
    “นิ..นี่.. ท่านพี่.. !”
       ผู้ที่ถูกเรียกหันมามองหน้าน้องสาวนิ่งๆ ไม่พูดอะไร สีหน้าเขานิ่งกว่าก้อนหินซะอีก หญิงสาวไม่แน่ใจจึงทวนถาม
    “รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
       แน่นอน คำพูดจากผู้เป็นพี่ชายที่พูดออกมาเหมือนเลอ ทำให้ผู้น้องรู้สึกไม่แน่ใจเอาซะเลยว่า คนตรงหน้าที่พูดออกมาเมื่อกี้นั้น เอาจริง หรือ พูดประชดกันแน่นะ แต่ดูจากสีหน้าแล้วไม่น่าเป็นการประชดแต่อย่างใดคิดได้อย่างเดียวคิด บ้าไปแล้ว...
     
    …ทำไมกัน... ท่านพี่ ทำไมท่านถึงต้องทำเพื่อข้าขนาดนี้กันนะ... ทั้งที่ข้าเป็นแค่น้องสาวที่ไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจก็ได้แท้ๆ เพราะไม่ช้าหรือเร็ว ก็ต้องแต่งออกไป อยู่ดี...ตอนนี้ข้ารู้แล้ว.. รู้ว่าโชคดีขนาดไหน.... ที่มีท่านพี่อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด... ดีแค่ไหนแล้วที่มีท่านพี่ค่อยแก้ปัญหาต่างๆ .... เวลานี้... เราคงจะต้อง....

       นัตซึกิที่เอาแต่นั่งคิดโดนที่ไม่ได้ฟังคำถามของน้องสาวตนนั้น ก็ต้องหยุดคิดเมื่อเขาหันไปมองน้องสาวที่สังเกตจากหางตาว่า หล่อนกำลังจะร้องไห้ เขาไม่เข้าใจเลย ว่าทำอะไรให้น้องสาวสุดที่รักนั้นต้องหลั่งน้ำตาออกมา
    “เป็นอะไรของเจ้าน่ะ ?”
       ผู้เป็นพี่ชายพูดอย่างห่วงใยน้องสาวอย่างมากที่จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา... มือบางของชายหนุ่มที่หนากว่าหญิงสาวผู้น้อยเล็กน้อย แตะคางของน้องสาวเบาหลังถามไถ ด้วยความเป็นห่วงเป็นไย
       “กะ..ก็.. ท่านพี่น่ะ”
       ขณะที่แฝดผู้น้องพูด นิ้วเรียบบางของแฝดคนพี่ เลื่อยขึ้นมาแตะที่เบ้าตาอย่างแผ่วเบาแล้วกดลงปาดน้ำตาของหญิงสาว อย่างทะนุถนอม
    “ข้าทำไมรึ...”
      ชายหนุ่มย้อนถาม
    “ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนี้เลย ท่านพี่...”
       ชายร่างบางหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มบางๆให้กับน้องสาวที่วันนี้เขาได้เห็นทีที่เจียมเนื้อเจียมตัว นั่งตรงหน้าเขาอย่างสงบเสงี่ยม เขาลูบหัวน้องสาวเบาๆ
    “ไม่เป็นไร... หากความแตกข้าจะของเป็นคนรับทั้งหมดเอง... ขอแค่เจ้าบอกข้ามาเท่านั้นว่า อยากหรือไม่อยาก...”
       สิ้นคำพูดนั้น... หญิงสาวโผเข้าสู่อ้อมอกของพี่ชายตนทันที หล่อนปล่อยโฮอย่างสุดเสียง ในขณะที่ชายหนุ่มผู้พี่ได้แต่ปลอบน้องสาวตนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ทั้งๆที่ความรู้สึกในตอนนี้มันไม่ต่างกันเลย สภาพในตอนนี้ต่างกันแค่ เขาสามารถอดกลั้นความรู้สึกนี้ไว้ได้มากกว่าน้องสาว
     
    ....ท่านพี่ หลังจากนี้ข้าคง.. ไม่สารารถสมหวังในรักได้อีกแล้ว... ข้าคงจะรอ.. รอให้ท่านพี่มารับข้าไม่ได้อีกแล้ว... ข้าขอโทษ.. ขอโทษจริงๆ ที่ข้า... ผิดสัญญากับท่านพี่ .....
     
       คิดแล้วน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง มีรักแต่ไม่สามารถสมหวัง แม้อาจจะมีโอกาศเพียงริบหลี่แต่คงไม่มีจะเป็นไปได้อีกไปตลอดชีวิต หากเขาต้องเข้าไปอยู่ในวัง การตัดสินใจครั้งนี้ คือทั้งชีวิตของเขา ที่จะต้องเพชิญหน้า กับปัญหาหลายๆอย่างที่รอเขาอยู่เบื้องหน้า
     
        กลีบดอกสีชมพูอมม่วง ที่กำลังร่วงโรยจากต้นไม้ที่มีลายเสือโคร่ง ได้บ่งบอกว่าฤดูใบไม้ผลินี้กำลังจะร่วงโรย และรอค่อยฤดูกาลของมันอีกครั้ง หากเปรียบได้กับเวลานั้นก็คงเป็น ’เวลา’ ร่วงโรยมาจนถึงกำหนดการวันถวายตัวอันแสนสำคัญของ ดอกไม้งานแห่งคฤหาสน์ซังโจ เป็นที่กล่าวขวัญการสละโสดแบบสายฟ้าแล๊บของเธอเป็นอย่างมาก
    “ฮะ ฮะ ในที่สุด เจ้าก็มีวันนี้ได้นะ นัตซึมิ ลูกรักของพ่อ รู้ไหมเจ้าน่ะทำให้ข้าภูมิใจเป็นอย่างมากพอๆกับ ที่ข้าภูมิใจในเรื่องงานของพี่ชายเจ้าเลย เว้นอยู่เรื่องนึง เฮ้อ ยังไงเสียรีบๆมีหลานให้ข้าอุ้มก่อนพี่ชายที่แสนเอาแต่ใจของเจ้านะ”
       ชายวันกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะปลื้มปริติยินดีกับการถวายตัวของบุตรสาว เป็นอย่างมากและที่ดีใจกว่านั้น เขาคาดว่าอีกไม่นานเขาจะได้อุ้มหลานเสียที เพราะตัวเขานั้นก็แก่มากแล้ว อยากจะมีหลานตัวเล็กมาวิ่งเล่น ไปมา เหมือนกับคนอื่นบ้างเหลือเกิน....
    “ท่านพ่อก็ พูดเกินไป…”
       หญิงสาวที่กำลังจะถูกถวายตัว ทำท่าทีเหนียมอาย โดยที่ผู้เป็นพ่อนั้นหารู้ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างตนนั้นคือบุตรชายของเข้าที่ พึ่งจะถูกแว้งกัดอยู่นั้นเอง
    “เกินไปอะไรกัน มันเรื่องจริงทั้งนั้นนี่”
    “เกินไปจริงๆแหละ ท่านพ่อ !! นี่แค่ช่วงรอเวลาจะเริ่มขบวนเองนะ ครับ!”
       เสียงปรามของผู้เป็นพ่อพูดยังไม่ทันจะจบดี เสียงอันเกี้ยวกราดจากทางด้วยหลัง คนที่ถูกขัดใจรีบหันไปทางต้นเสียง
    “อีกอย่างหนึ่ง พูดจาแบบนี้ ในที่แบบนี้ได้ไง คับ ท่านพ่อสอนเองนะ”
       ไม่ทันที่จะต่อว่าบุตรชายกลับ กลายเป็นว่าต้องอ้าปากค้างเพราะเถียงไม่ทันเหตุว่า บุตรชายนั้นปากไวกว่า เขาทำอะไรไม่ถูก เลยตบเอาที่บั้นท้ายม้าที่บุตรชายของตนขี่อยู่เต็มแรง
    “เหวอ !!”
       เพราะแรงตบของชายวันกลางคน ทำให้ม้าตกใจวิ่งถลาไปด้านหน้า ทำเอาคนที่วิ่งวุ่นไปมานั้น พากันแตกตื่นวิ่งกระจายกันไปอย่างกับมดแตกรัง ไม่ช้านักผู้ที่ถูกแกล้งก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างปกติ แล้วเลี่ยวกลับมายังจุดเดิมแล้วลงจากม้า ชายผู้สูงศักดิ์ยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผู้ที่กำลังจะถวายตัวให้กับองค์ รัชทายาท ซึ่งรู้กันนี้ว่าจะไม่ได้นั่งคุยกันเหมื่อนเมื่อก่อนอีกแล้ว คงจะแกล้งหรือวิ่งเล่นอย่างตามใจชอบไม่ได้อีก เพราะกฎในวังนั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเข้มงวดขาดไหน เพราะเป็นที่ทำงานของเหล่าขุนนาง เหล่าพระสนม นางกำนัล ต่างก็เองสตรี โดยเฉพาะเหล่าพระสนมหรือ พระมเหสี แม้แต่องค์จักรพรรดินีเองก็ตาม ถูกห้ามไม่ให้ใครเห็นหน้า ยกเว้นองค์จักรพรรดิ จึงเป็นไม่ได้เลยว่าจะอะไรตามใจตนเองได้แม้แต่จะคิดก็ตาม...
    “อะไรกันๆ นัตซึกินี่เจ้า อึ้งในความงามของน้องสาวเจ้า หรือว่า ยังขวัญเสียเรื่องม้ากันนะ ! เอาเถอะไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร เจ้าเข้าไปคุยกันน้องสาวเจ้าหน่อยเถอะ ยังไม่ได้คุยกันเลยไม่ใช่รึ”
       ผู้เป็นบิดาเห็นว่าบุตรชาย ยื่นนิ่งอยู่ตรงหน้า บุตรสาวอยู่นาน ก็พอจะเข้าใจว่าทำไมจึงเข้าไปตบบ่าเบาๆ แล้วบอกให้ไปพูดคุยกับน้องสาว เพราะรู้ดีว่า ทั้งสองจะต้องแยกจากกันแล้วถึงแม้ว่าจะเข้าไปหาที่วังหลังได้แต่ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเมื่อก่อนอีก ที่ผ่านมาเค้าเองก็ไม่เคยเห็นพี่น้องคู่นี้แยกออกจากันเลย ว่าไปก็ดูเหมือนคู่สามี ภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ยังไงอย่างนั้นเชียว ถึงแม้จะเป็นพี่น้องด้วยกันก็เถอะแต่ก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้ ทางบุตรชายเมื่อบิดาบอกให้ไปคุย ก็เดินเข้าไปหายังไม่รอช้า เข้าไปสวมกอดร่างบางที่ใช่ชุดจูนิฮิโตะเอะ[ชุดท่นหญิงในวัง] อย่างเต็มยศ ไม่ช้าร่างบางในชุดสตรีก็กอดตอบพลางกระซิบบอก
    “…นัตซึมิ นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกแล้วนะ...”
    “ข้าขอโทษ... ข้า... ข้า... ”
        ไม่ทันที่คนน้องจะถูกอะไร ฝ่ามือบางของพี่ชายประทับที่ใบหน้านวลนั้นแบะๆ เป็นการปลอบประโลมเบาก่อนจะพูดออกมา
    “ไม่ต้องห่วงไปหรอก แต่เป็นเจ้ามีความสุขในสิ่งที่เจ้าเลือกก็พอ ข้าไม่อยากให้เจ้ามาอมทุกข์นะ”
    “แต่มันเสี่ยงเกินไปไม่ใช่รึ ? ท่านพี่ ...”
       คนพี่หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วดึงร่างน้องสาวเข้ามากอดอีกครั้ง
    “ ไม่เป็นไร เชื่อข้าสิ ยิ้มสิ ข้าอยากเป็นรอยยิ้มของเจ้านะ ”
       ร่างที่ถูกกอดออกห่างเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากที่อยู่บนใบหน้าค่อยๆ ยิ้มบางๆ ให้กับผู้เป็นพี่ ด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
    “ ไม่มีแล้ว คนที่รักข้าได้ขนาดนี้ ข้าดีใจจริงๆ ที่ข้ามีท่านพี่ ข้าขอตัวก่อนนะ ” 
       สิ้นคำ ร่างบางที่นั่งอยู่พยักหน้าอย่างช้าให้จากนั้น นัตซึมิที่อยู่ในชุดของบุรษก็วิ่งห่างออกไปโดนที่มีนัตซึกิมองอยาห่างๆ พิธีได้ดำเนินการไปด้วยดีต่างฝ่าย ต่างก็ยินดีปรีดาชื่มชมต่างๆ นานาของเหล่าเพื่อนของเรียวเมะ ที่อดแซวไม่ได้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า เรียวเมะนั้นไม่มีเรื่องชู้สาวใดๆ หรือจะเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆกับใคร ซึ่งพอๆกับนัตซึกิ แต่ไม่ถึงกับว่าจะประกาศตนว่าจะไม่แต่งงาน คงเป็นเพราะเขารู้ดีว่า อีกไม่นานเขาจะต้องสืบทอดบัลลังก์ของบิดาตนสืบไป งานฉลองถูกจัดที่ตำหลักชิชินซึ่งไว้ใช่ฉลองในงานและพิธีต่างๆ ซึ่งเหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็รื่นเริ่งกับฉลองครั้งนี้กันเป็นอย่างมาก เว้นเสียแต่ แฝดทั้งสองที่แยกตัวออกมาจากงานในตำหนักเพื่อที่จะต้องการอยู่อยู่ด้วยกัน ตามลำพัง โดนที่มีนางกำนัลคนสนิทตามไปอยู่คน สองคน ติดตามไปด้วย
       “ เฮ้อ... ชุดจูนิฮิโตะเอะ นี้มันช่างหนักเอาเรื่องจริงๆ... ”
       นัตซึกิบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายกับงานมาโดยทั้งวัน ทั้งยังเขาไม่เคยคิดเลยว่าชุดที่เขาใส่อยู่นี้ มันหนักพอๆกับชุดที่เขาต้องใส่ต้องที่จะเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเลยทีเดียว ไม่สิ หนักกว่านี้อีก ความรู้สึกเขาในตอนนี้อยากจะชื่นชมเหล่านางกำนัลที่ทำงานจิปาถะต่างๆนานาโดย สวมชุดนี้อยู่ตลอดเวลา นั้น สุดยอดจริงๆ แต่ว่าใส่ตลอดเนี่ยกล้ามไม่ขึ้นเลยหรือไงนะ คำถามแบบเด็กๆนี่ผุบขึ้นออกมาเป็นครั้งแรกนับจากพิธิบรรลุนิติภาวะ
    “ ก็.. สมควรอยู่หรอกนะ ใส่ชั้น 12 ชั้นเชียวนะ... ”
       นัตซึมิพูดโดนที่พิจารณาชุดที่พี่ชายตนสวมใส่ แอบดีใจอยู่นิดว่าตัวเองไม่ต้องใส่ คิดไปคิดว่าทำไมกันนะถึงต้องให้สตรีใส่ชุดหนักๆด้วยหรือว่ากะให้ไปไหนไม่ได้ กันนะ นึกไม่นึกมาช่วงโบราณก็มาบอกแม้แต่เรื่องจากต่างแดนที่บอกถึงชายที่รักหญิง สาวอย่างสุดหัวใจจนทำทุกๆวิธีทางเพื่อไม่ให้หญิงสาวห่างจากเค้าไป บางก็ให้อยู่แต่ในห้อง บางก็ทอะไรต่อมิอะไรเพื่อที่จะครอบครองคนรักของตนไว้เพียงแต่ผู้เดียว อดคิดไม่ได้เลยว่าการที่ให้ใส่ชุดจูนิฮิโตะเอะนั้น เป็ยการกักขัดหญิงสาวไม่ให้ไปไหน และสิ่งที่ทำให้คิดอย่างฝั่งใจแบบนี้นั้นก็ด้วยอีกเหตุผลนึงคือ ทำไมกัน ที่ผู้ชายเองเหล่าสะดวกสบายกว่าตั้งเยอะโดยเฉพาะชุดที่ใส่ตอนเดินราดตรเวน น่ะ สวมใส่แล้วดูจะเคลื่อยไหมได้คล่องแคล่วเกินไปแล้ว ตอนนี้จิตใจของหญิงสาวเริ่มปลูกฝั่งเมล็ดความเกลียดชังในความมักง่ายของ บุรุษเสียแล้วสิ มันทำให้นัตซึมินั้นอยากจะปกป้องเหล่าหญิงสาวที่เป็นเพศเดียวกันเสียเหลือ เกิน
    “ อย่าพูดเถอะ นัตซึมิชุดปกติน่ะก็ประมาณ 3-5 ชั้นแล้ว ยิ่งพูดยิ่งหนัก ”
    “ แล้วท่านพี่จะเดินออกมาทำไมล่ะ ? อีกเดี๋ยวจะได้เวลาส่งตัวแล้วนะ ”
       เมื่อได้ยินเสียโอดครวญของพี่ชายก็อดไม่ได้ที่จะถามไปอย่างข้องใจ ทว่าประโยคแรกไม่ค่อยมีผลต่อนัตซึกิเท่าไหร่ กลับเป็นประโยคสุดท้ายซะมากกว่าที่ทำให้นัตซึกิรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาแปลก
    สวบ !
    ไม่ทันได้คิดไตร่ตรองอะไร จู่ๆก็มาเสียงแปลกจากรอบข้างพวกเขาอยู่ ไม่ทันที่นัตซึกิจะเอ่ยปาก บุคคลที่ซ่อนอยู่ก็โผล่ออกมา
    “ ทะ... ท่าน ! ท่านทากะคาซึยะ !? ”
       ทันทีที่เห็นหน้า นัตซึกิก็ถึงกับอุทานออกมา ขอให้ความลับยังไม่แตกทีเถอะ ในใจของนัตซึกิหวังภาวนาเชยนั้นทันทีที่เห้นหน้าบุคคลต้องสงสัย
    “ จะได้เวลาส่งตัวแล้วนะ ทำไมเจ้ายังมาอยู่ที่นี่อีก ”
       เสียงทุ่มฟังดูนุ่มนวล ในฐานะเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่แล้ว นัตซึกินับถือเขาดุจพี่ชายก็ไม่ปาน เพราะน้ำเสียงของเขาไม่รู้ทำไมเฉพาะนัตซึกิ เขามักจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายอยู่เสมอ ต่างกับเรียวเมะที่พูดจาขวานผ่าซาก และน้ำเสียงดูแข็งทื่อ เก้งก้างดูแล้วเป็นคนเลวยังไงอย่างนั้น
    “ นะ... นั้นสินะ ต้องไปส่งตัวแล้วนี่นา ”
       นัตซึมิ พูดพลางจับแขนพี่ชายตนแล้วเดินไปอีกทาง ไม่ช้าพวกเขาก็ต้องหยุดเพราะ มีบุคคลอีกคนนึ่งยืนอยู่บนทางขึ้นของตำหนักนาชิซึโบะ ตำหนักที่จัดเตรียมไว้เพื่อจะส่งตัว ก้อนเมฆที่บดบังแสงของจันทาอยู่ตอนแรกค่อยเคลื่อนออกทำให้แสงสีเหลืองนวล อ่อนๆท่อแสงลงมา ทำให้เห็นหน้าคนที่ยื่นอยู่ตรงทางขึ้นได้ ถึงแม้จะเล็กน้อยเพียงใดแต่ก็สารารถมองออกได้โดยไม่ต้องใช่ไฟก็ได้
    “ ท่าน ?... ”
       ไม่ทันที่จะได้เองนามของคนๆนั้น นัตซึกิก็ถูกดึงเข้าไปในตำหนักนั้นเสียแล้ว โดนที่มีนัตซึมิมองอยู่ห่างๆเพราะจะเข้าไปช่วยก็ไปไม่ได้ เพราะหากเข้าไปแล้ว ตนเองจะต้องถูกทากะคาซึยะดึงออกจะพื้นที่บริเวณนี่แน่นอน
    “ ปล่อยข้า ! บอกให้ปล่อยไง !! ”
    ร่างบางร้องลั่นตามทางระหว่างเดิมไปยังห้องไม่ช้า ก็เดินมาถึงทันทีที่ประตูเปิดนัตซึกิไม่มันได้สังเกตเลยซักนิดว่าในห้องนี้ มาอะไรเพราะถูกเหวี่ยงให้ล้มลงไป แต่สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่นุ่มๆตอนที่ล้มลงไป เมื่อรู้แล้วว่าที่นี่มันที่ไหนแล้วล้มไปอยู่บนอะไร ความรู้สึกวาบหวิว และเสียวสันหลังวาบขึ้นมา อย่างแปลกๆ ความรู้สึกที่ตื่นตัวทำให้รู้ว่าเวลานี้ เขาจะต้อง...
    “ ว่าไงล่ะ ไม่จำเป็นต้องส่งตัวหรอก ข้ามารับเจ้าเองเลยนะ นัต - ซึ – กิ ”
    “ ไม่ตลกเลยนะ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่นอน ท่านเรียวเมะ !! ”
       ใช่จริงๆเสียด้วย นี่แหละความรู้สึกนี้ความรู้สึกที่จะป้องกันตัวเอง ! เป็นบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลเสียเลย สิ่งคิดสิ่งขนลุก จะทำอย่างไรดีนะ คำถามนี่ผุดขึ้นมาในใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ? วิธีการพูดของชายตรงหน้านั้นด้วยต่างจากที่แล้วมาอีก ทำไมกันนะ
     
     
    จบแล้ว ตอนที่ 1....
     
    เป็นยังไงกับบ้าง สนุกดีไหมเอ่ย ??
     
    ฝากคอเม้นด้วยนะ ขอรับ ไว้เป็นกำใจคนแต่งเพื่อที่จะปั่นมาให้อ่านกันอีก ^_________^
     
    ขอบคุณสำหรับคนที่อ่าน และ คอมเม้นล่วงหน้าด้วยนะขอราบบบบบบ //โค้ง


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น